ป้านิด รัตนา กาญจน์แก้ว กับป้านวย กัฐลี ชูรัตน์
เป็นเพื่อนกัน เช้าของวันที่ 24 พฤศจิกายน
(2555) พวกเธอชวนกันมาชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล
ร่วมกับองค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งมีผู้ชุมนุมคนอื่นๆทยอยเข้ามาสมทบ ท่ามกลางการคุ้มกันของเจ้าหน้าตำรวจอย่างเข้มงวด
ป้านิดเป็นคนจังหวัดขอนแก่น เธอบอกว่ามีเพื่อนหลายคน
อยู่ในที่ชุมนุม ก็ชวนๆกันมา
และถึงแม้ว่าในช่วงเก้าโมงเช้าที่ผ่านมา
ตำรวจได้เริ่มกระชับพื้นที่ และใช้แก็สน้ำตากับผู้ชุมนุมบ้างแล้ว เธอก็ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมาให้ผมเห็น
ผมนั่งคุยกับป้านิด ลองถามเธอดูว่าคิดอย่างไรกับปรากฎการณ์ที่เมื่อครั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์
ก็มีกลุ่มนปช.ออกมาต้าน แล้วพอช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ก็มีม็อบองค์การพิทักษ์สยามออกมา ดูเหมือนว่าต่างคนต่างมีฐานกำลังของตนเอง
แล้วบ้านเมืองจะปรองดองได้อย่างไร ? ป้านิดยอมรับว่า “ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็มีผลประโยชน์กันทั้งนั้น
ให้ดูว่ากลุ่มนั้นถือประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ส่วนตน”
ส่วนป้านวย มาจากจังหวัดนนทบุรี และมาเจอกับเพื่อนในซอยเดียวกันในที่ชุมนุม
วันนี้กันเธอถึงขั้นลงทุนเช่าโรงแรมไว้เป็นที่พัก ผมขอดูกระเป๋าของป้านิดว่าเธอเอาอะไรมาชุมนุมบ้าง
ก็เห็นจะมีเพียงมือปรบ ยาดม ขนมขบเคี้ยว และน้ำดื่ม
ในขณะเดียวกันตลอดเวลาที่เรานั่งคุยกัน ก็จะคนมาเดินแจกหน้ากากอนามัย
และซีดีเกี่ยวกับองค์การพิทักษ์สยามอยู่เป็น พักๆ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าการใช้แก็สน้ำตารอบสอง
กำลังจะเกิดขึ้นตามมาในช่วงบ่าย
หลังจากนั้นผมก็แยกจากป้านิด และป้านวยเพื่อเดินสำรวจ
สังเกตุการณ์ การชุมนุม พบว่าเวทีหลักขององค์กรพิทักษ์สยาม ตั้งอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
และจำนวนผู้ชุมนุมมียาวมาถึงแยกมิสกวัน
ขณะเดียวกันมีข่าวมาว่า บ่ายสองโมงที่แยกมิสกวันนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมจากลานพระบรมรูปทรงม้าคือที่ที่ผมสังเกตการณ์อยู่
จะดันเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเปิดทางให้กลุ่มผู้ชุมนุมจาก สะพานมัฆวานมาสมทบ
ผมจึงรีบไปที่ดูทันที
สถานการณ์เริ่มตรึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังตำรวจยกโล่ห์ป้องกัน พร้อมกับขยับไปมา เพื่อข่มขวัญผู้ชุมนุม ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมก็มีอารมณ์เกลี้ยวกราดมากขึ้น
และช่วยกันดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั้ง บ่ายสองโมงเศษๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจใช้แก็สน้ำตาเพื่อสะกัดพื้นที่
ถึงนาทีนี้ ผมอดนึกถึงป้านิด กับป้านวยไม่ได้
ไม่รู้ว่าพวกเธอเข้ามาอยู่ในเขตที่มีการปะทะกันหรือไม่ เพราะอายุของเธอทั้ง 2 ก็มากแล้ว ไม่เหมือนตัวผมกับช่างภาพซึ่ง
อายุเพียง 19 ปี ยังคงมีแรงวิ่งหนีเอาตัวรอด
แต่ถึงกระนั้นผมและน้องช่างภาพก็หลีหนีไม่พ้นควันจากแก็สน้ำตา
และพยามวิ่งออกมาพร้อมๆกับผู้ชุมนุม ในวิกฤตช่วงนั้น ยังคงมีความประทับใจดีดีครับ
เพราะว่าผมได้แบ่งน้ำในขวดให้กับลุงๆป้าๆไปหลายคน ที่แสบตาจากแก็สน้ำตา
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เป็นช่วงเวลาที่พอจะบรรเทาความเจ็บปวดของพวกเขาได้บ้าง
การแบ่งปันเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ ที่ใด เวลาใด และสถานการณ์ใดก็ตาม
การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม จบลงเร็วกว่าที่คาดคิด
หลังเสธอ้าย พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ แกนนำของกลุ่มประกาศยุติการชุมนุม
โดยอ้างว่าเพื่อรักษาชีวิตของพี่น้องประชาชน
ทุกวันนี้ผมยังตอบตัวเองไม่ได้ว่า ทุกครั้งที่มีการชุมนุมทางการเมือง
และทุกครั้งการมีการเผชิญกันระหว่างรัฐกับประชาชน ใครคือผู้แพ้ และใครคือผู้ชนะ
แต่เห็นที่เห็นอยู่ตรงหน้าในวันนี้ คือบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย และข้าวของที่เสียหายไปเท่านั้น
-------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น