บันทึกการเดินทาง ริมชายฝั่งทะเลอันดามัน กับทีมนักข่าวพลเมือง Thai
PBS
ตอนที่ 1 เราไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป
ตอนที่ 1 เราไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป
“เราไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป”
เป็นคำพูดของชาวบ้านที่มาอบรมนักนักข่าวพลเมือง จังหวังตรัง ณ
นาทีนั้นผมสามารถรับรู้ได้ทันทีถึงความรู้สึก และความหมาย
ซึ่งอาจเป็นคำตอบที่ขยายกว้างไปถึงความเป็นสื่อสาธารณะ ของ ThaiPBS
เลยทีเดียว เพราะครั้งหนึ่งผมก็เคยมีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน
ภารกิจแรกของพี่โต้ง
ในการลงมาภาคใต้ครั้งนี้คือการอบรมนักข่าวพลเมืองในจังหวัดตรังที่ห้องประชุมของมูลนิธิอันดา-มัน
ซึ่งสร้างโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ชาวบ้านพากันมาเป็นกลุ่มๆ แบ่งตามพื้นที่ของตนเอง
บางกลุ่มมาจากจังหวัดสุราษธานี
บางกลุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ลงมาจากเทือกเขาบรรทัด คำถามเกิดขึ้นในใจของผมคือ
เหตุใดพวกเขาจึงอยากมาอบรมนักข่าวพลเมืองขนาดนั้น
ผมมีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านหลายคน
แต่ละคนมีปัญหาในชุนชนของตนเองทั้งนั้น ทั้งปัญหาที่ดิน
ปัญหาถูกเอารัดเอาเปรียบจากภาครัฐ ปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างชาวบ้านกับนายทุน
และปัญหาสิทธิชุมชน ซึ่งมีอยู่ในชุมชนของพวกเขามาอย่างยาวนาน
ชาวบ้านทำทุกวิถีทางที่จะต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมเหล่านั้น
ทั้งการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และแม้ว่าจะเป็นแค่ชาวบ้าน
เป็นเพียงเกษตรกรรม ซึ่งคนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นตาสี ตาสา จะไปสู้อะไรกับภาครัฐ
กับนายทุน แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับตรงกันข้าม พวกเขามีความรู้
และมีการหาข้อมูลเพื่อต่อสู้กับภาครัฐ หนึ่งในนั้นคือการเป็นนักข่าวพลเมือง
สื่อสารเรื่องราวของตนเองสู่สาธารณะ หวังให้อิทธิพลของสื่อกระแสหลัก
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นของชุมชน แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม
Thai PBS ประกาศตัวว่าเป็นสื่อสาธารณะ ได้รับภาษีจากประชาชนเพื่อทำทีวีดีดีสักช่อง
เปิดพื้นที่ให้ประชาชนในฐานะเจ้าของได้ใช้ในการสื่อสารร่วมกัน
และมีภารกิจจะต้องทำประโยชน์เพื่อสังคม ผมคิดว่านักข่าวพลเมืองตอบโจทย์ได้มากที่สุดสำหรับการเป็นสื่อสาธารณะของ
Thai PBS แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า
หน่วยงานหรือบุคคลที่เป็นคนขับเคลื่อน
หรือเป็นศูนย์กลางของนักข่าวพลเมืองมีจำนวนไม่มากนัก หรืออาจจะมีมากแต่ด้วยระบบและโครงสร้างของ
สสท.หรือ Thai PBS ที่คาบเกี่ยวกันระหว่างฝ่ายข่าว
กับฝ่ายเครือข่ายสื่อภาคพลเมือง ก็ทำให้ดูสับสนและไม่เป็นระบบสักเท่าไหร่นัก
ผมสังเกตเห็นว่า
มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่ทำงานเพื่อชาวบ้านจริงๆ
และกระตุ้นให้ชาวบ้านเริ่มสื่อสารเรื่องราวของชุมชนด้วยตนเองในนามนักข่าวพลเมือง
แม้พวกเขาอาจไม่ถูกพูดถึงบ่อยนัก แต่เขาเหล่านี้แหละคือผู้ปิดทองหลังพระ
ผู้ปิดทองหลังทีวีสาธารณะ ให้เป็นทีวีสาธารณะอย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น