วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ถอดบทเรียน 6 เดือนที่เนชั่น


(1) ย้อนกลับไปในวันแรกที่ผมเดินเข้ามาในฐานะเด็กฝึกงาน 1 เมษายน 2554 ความรู้สึกทึ่ง ว่าวันนี้มันมาถึงได้อย่างไร ก่อนหน้านั้นผมคิดที่จะหาที่ฝึกงานสักทีหนึ่งหลังจบม.6 โรงเรียนพนัสพิทยาคาร เพื่อต่อยอดความรู้จากทีวีพ.พ.ทีวีที่ผมและเพื่อนๆอีก 11 คนที่บุกเบิกขึ้น ตอนแรกติดต่อไปยัง ThaiPBS แต่ทางองค์กรปิดรับนักศึกษาฝึกงานเพราะกำลังย้ายสำนักงานใหญ่ องค์กรต่อมาที่ผมนึกถึงคือ The Nation เดือนกุมภาพันธ์ 2554 ผมได้ลองเข้ามากรอกใบขอฝึกงาน ผมไม่ได้มามือเปล่าแต่พกเอาผลงานที่ทำมาจากทีวีพ.พ.มาด้วย ในใจคิดว่าเขาคงไม่รับ เพราะผมก็แค่เด็กม.6 อายุ 17 ปี แต่ไปๆมาๆ ปลายๆเดือนมีนาคม 2554 มีโทรศัพท์มาจากทางNation ว่าให้เข้ามาฝึกงานได้เลย ไม่ต้องสัมภาษณ์ นัดเอาวันที่ 1 เมษายน เป็นวันแรกของการฝึกงาน ผมยังจำได้ว่า ผมใส่ชุดม.ปลาย กางเกงขาสั้นเข้าไปที่นั่น ตื่นเต้นมาก และคิดว่าเรามาถึงจุดๆนี้ได้อย่างไร วันต่อมาพี่ๆที่Nation ก็อนุโลมให้ใส่ชุดสุภาพมาได้ วันหนึ่งบก.อาชญากรรมได้เห็นผลงานของผมที่เคยทำไว้กับทีวีพ.พ.จึงเปิดโอกาสให้ทำสกู๊ปข่าวโทรทัศน์ และออกตระเวนข่าวกับพี่ๆ เสมือนหนึ่งว่าเป็นนักข่าวมืออาชีพ ขณะเดียวกันด้วยความที่ผมมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้ถูกมองว่า ... ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก นอกจากนี้ยังเจอการรับเงินของนักข่าวที่ผมเห็นกับตา ซึ่งผมปฏิเสธเงินตรงนั้น แต่ช่างภาพกลับรับไปแทน 


(2) แน่นนอนว่าผมคงต้องเรียนต่อปริญญาตรี เพราะจบการศึกษาเพียงม.6 ตอนแรกมีแผนไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่จากผู้ใหญ่หลายท่านบอกตรงกันว่า ควรจะเรียนในประเทศไทยเพื่อเป็นการศึกษารากเง้าของตนเอง และทดลองใช้ชีวิตที่อยู่ห่างจากครอบครัว เหมือนนกที่เพิ่งหัดบิน ก็ไม่ควรบินออกไปไกลรัง เพราะเสี่ยงต่ออันตราย ผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่แอดมิดชั่นไม่ติด มหาวิทยาเอกชนจึงเป็นทางเลือกหลัก ในเวลานั้นเ ครือNation เปิดมหาวิทยาลัยเนชั่น ศูนย์การศึกษาเนชั่นทาวเวอร์ พอดี ตอนแรกไม่สนใจ เห็นเขาพาเพื่อนๆมาดูสำนักข่าวที่ชั้น 12A ขณะเดียวกันผมก็นั้งทำงานอยู่ที่นั้น หลังจากนั้นก็ติดตามข่าวเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเนชั่นมาเรื่อยๆ คุณสุทธิชัย หยุ่นเป็นคนหนึ่ีงที่ทำให้ผมเลือกที่จะเรียนที่นี่ เพราะดูเหมือนว่าคุณสุทธิชัย จะมีความตั้งใจกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้มาก ด้วยเหตุนี้ผมจึงเชื่อว่ามหาวิทยาลัยเนชั่นเป็นมหาวิทยาลัยที่จะถ่ายทอดความรู้การสื่อสารมวลชนได้ดีที่สุดไม่แพ้ที่อื่น จึงตัดสินใจเรียนที่นี่


(3) 17 18 มิถุนายน 2554 วันปฐมนิเทศของมหาวิทยาเนชั่น บุคลิกที่ดูโตมาก และดูมีหลักการมากของผมที่ต่างจากเพื่อนๆคนอื่นๆ ทำให้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ และนั้นเป็นสาเหตุทำให้ในเวลาต่อมาผมได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนๆซึ่งช่วงนั้นยังไม่ค่อยสนิทกัน ให้เป็นประธานคณะกรรมการนักศึกษา

(4) ผมตั้งปณิธานไว้ว่าผมจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด จะมุ่งมั่นและทุ่มเท สิ่งแรกที่ผมทำหลังเข้ารับตำแหน่งคือการวางโครงสร้างขององค์กรเพื่อกระจายงาน หลังๆเริ่มใช้ไม่ได้ผลเพราะกระจายไปแล้วงานไม่กลับมา ในฐานะที่เป็นทั้งเพื่อน และผู้นำ ก็เกรงใจ ทำมันเองซะเลย ภาพของคนที่ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ ก็เกิดขึ้น

(5) ต่อมาผมถูกมองว่าไม่ยอมกระจายงาน เก็บงานไว้คนเดียว

(6) แม้จะถูกมองเช่นนั้น แต่งานหลายอย่างก็สำเร็จ เรียบร้อย ที่สำเร็จไม่ใช่เพราะทำคนเดียว แต่พยามกระจายงาน แบบที่เพื่อนไม่รู้ตัว อีกปัญหาหนึ่งคือการนัดประชุม การประชุมถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหาร แต่นัดประชุมยากมาก ผมเหนื่อยที่จะพูดมาก มากไปก็โดนว่า ก็เลยทำคนเดียวมันอีกนั่นแหละ     

(7) ประมาณเดือนกันยายนผมจัดตั้งโครงการสื่อสร้างสรรค์แห่งมหาวิทยาลัยเนชั่น หรือNation UMG ขึ้นเพื่อเป็นการรวมเพื่อนที่สนใจทำงานสื่อไม่ว่าจะงานข่าว งานเขียน งานบันเทิง มารวมอยู่ด้วยกันเป็นเครือเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ความร่วมมือจากสำนักงานศูนย์การศึกษาเนชั่นทาวเวอร์มากนัก หรือไม่บางทีอาจดูเหมือนว่าเรากำลังเล่นขายของ ผมจึงต้องพึงพาตนเอง ไปพบผู้ใหญ่เอง คุยเอง จัดการเอง จนอาจถูกมาว่ากลายเป็นคลื่นใต้น้ำ

(8) งานนิตยสาร สื่อในเครือของ Nation UMG เพื่อนๆให้ความร่วมมือดี แต่กรณีที่พบคือมีคนที่พูดและเสนอแนวคิดแล้วไม่ทำ ในขณะเดียวกันฝ่ายศิลป์ติดธุระ ผมจึงต้องรักษาการแทนฝ่ายศิลป์ไปก่อน ในฐานะที่เป็นตัวตั้งตัวตีอยากทำนิตยสาร สุดท้ายถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางจักรวาล

(9) กลางๆเดือนตุลาคม 2554 มีพี่โปรดิวเซอร์จากรายการแซบ ระวังภัยมาติดต่อขอความร่วมมือจากนักศึกษาให้ไปร่วมผลิตรายการ ผมก็ได้เข้าร่วมโครงการนี้ แนวคิดการใช้สื่อเพื่อการเปลี่ยนแปลง เป็นแนวคิดที่ผมคุยกับโปรดิวเซอร์แล้วถูกคอกัน หลังๆเริ่มเปลี่ยนไป คอนเซปต่างๆของรายการมีความขัดแย้งในตัว ความคิดผมกับพี่โปรดิวเซอร์ไม่ตรงกัน ผมจึงถอดตัวออก โดยก่อนหน้านั้นถูกมองว่าก้าวร้าว เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักวาล สารพัดมากมาย ผมจึงตัดสินใจทำต่อแค่เทปเดียวแล้วเลิก

(10) ปัญหามันเยอะ วุ่นวาย รำคาญ "ศูนย์กลางจักรวาล ทำงานคนเดียว เลียนแบบไทยพีบีเอส" ประเด็นเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ เริ่มจาก ศูนย์กลางจักรวาล หมายความว่า เอาความคิดตัวเองอย่างเดียวไม่ฟังคนอื่น ผมมาพิจารณาดูแล้ว ผมเองดูเหมือนจะรับฟังคนอื่นมากที่สุด เพราะสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยทำคือการวิพากย์วิจารณ์ผู้อื่น บางคนติคนอื่น จนลืมดูตัวเอง // ทำงานคนเดียว หมายความว่า เก็บงานเอาไว้ผู้เดียว ไม่แบ่งงาน อันนี้ยอมรับและจะปรับปรุงวิธีการบริหารอย่างจริงจัง ซึ่งผมได้เริ่มการทำงานแบบกระจายงานแล้ว กับ เครือNation UMG ผมอยู่ในตำแหน่งบรรณาธิการอำนวยการ ดูภาพรวมของสื่อทั้งหมดในเครือ Nation UMG คอยตรวจสอบ โดยสั่งงานผ่าน บรรณาธิการของแต่ละสื่ออีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ตามการทำงานถึงแม้จะทำคนเดียวก็ยังได้ชื่อว่าทำ ยังมีศักดิ์ศรีมากกว่าชอบเสนอ ชอบดีแต่พูด แต่ไม่ทำ // เลียนแบบไทยพีบีเอส กรณีนี้น่าสนใจ ผมยอมรับว่าคนเราควรจะต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และพัฒนาความคิดให้ต่อยอดยิ่งๆขึ้นไป ผมจะพยาม การเลียนแบบผมเชื่อว่าเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่งที่ดีทีเดียว แต่ก็ควรอยู่ในกรอบที่จำกัด อย่างไรก็ตามขอให้ทำความเข้าใจระหว่างการเลียนแบบ และความชอบซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล ไทยพีบีเอสเป็นสื่อที่ผมคลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก ผมโตมาพร้อมๆกับการพัฒนาของสื่อสาธารณะแห่งนี้ ดังนั้นผมจึงเห็นความงดงามของการเป็นสื่อสาธารณะ ซึ่งนี้คงไม่แปลกหากผมอาจมีแนวคิดหรือพฤติกรรมบางอย่างที่บ่งบอกถึงความเป็นสื่อสาธารณะอย่างชัดเจน

(11) 1 เทอมที่ผ่านไปผมได้เรียนรู้กับสิ่งต่างๆมากมาย เรียนรู้ที่จะปรับตัว และทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา เอามันมาเป็นบทเรียน ที่ทำให้เราแข็งแกร่ง เป็นต้นไผ่ที่ยืนต้นอยู่ไ้ด้ โดยไม่หักโค่น แม้ลมหรือพายุจะพัดมาแรงเพียงใดก็ตาม ผมจะมุ่งมั่น ยืนหยัดและเดินไปในทางที่ตนเชื่อมั่นว่าดีงาม ต่อไปครับ

//////////////////////////////////////////////////

Nation UMG ปฐมบทนิเทศศาสตร์ของจริง ม.เนชั่น


หลังนักศึกษาปี ๑ รุ่นแรกจำนวนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเนชั่น ศูนย์การศึกษาเนชั่นทาวเวอร์ซึ่งมีความต้องการสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ในแต่ละด้านไม่ว่าจะสาระ หรือบันเทิง ในรูปแบบที่หลากหลายลงบนช่องทางที่พอทำได้อย่างโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก และแล้วพวกเราก็รวมกลุ่มกันสำเร็จ โดยแบ่งเป็นกลุ่มสื่อ ๓ กลุ่ม คือ ๑.กลุ่มข่าว ๒.กลุ่มนิตยสาร และ๓.กลุ่มบันเทิง ร่วมจัดตั้งเป็นโครงการสื่อสร้างสรรค์แห่งมหาวิทยาลัยเนชั่น หรือ (Nation University Media Group) Nation UMG ขึ้นเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔ มีข้อสงสัยและคำถามมากมายเกี่ยวกับโครงการสื่อนี้ “ปี ๑ จะรีบทำไปทำไม” เป็นคำถามที่เรายินบ่อยที่สุด “จะไปรอดหรือเปล่า” เป็นอีกคำถามหนึ่งที่ตามมา แม้กระทั้งอาจารย์ก็ยังไม่เซ็นรับรองโครงการนี้ ดังนั้นโครงการนี้จึงต้องยืนด้วยลำแข่งด้วยตนเอง
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Nation UMG ต้องเผชิญกับคำถามเหล่านี้ เพราะการผลิตสื่อที่พวกเรากำลังทำอยู่มีนักศึกษา ชั้นปี ๑ น้อยมากที่จะทำ ดังนั้นการจัดตั้งโครงการสื่อจึงดูเป็นเรื่องใหม่ และเรื่องใหญ่ในมหาวิทยาลัยที่เพิ่งก่อตั้งมาแค่ครึ่งปี แต่พวกเราก็พร้อมที่จะลองผิดลองถูกในการทำงานเพื่อเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง

แต่อีกด้านหนึ่งแม้เราจะไม่ได้รับความสนับสนุนจากมหาวิทยามากเท่าที่ควร ก็ส่งผลดีให้เราแข็งแกร่งขึ้น เรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเอง และยืนด้วยขาของเราเอง ใช้ความคิดที่อิสระได้อย่างเต็มที่ ผ่านมาแล้ว ๒ เดือนเต็มกับการเกิดขึ้นของ Nation UMG ที่ประกอบไปด้วย สำนักข่าวเนชั่นยู นิตยสาร yours และ WooHoo TV เราได้สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นรูปธรรม หลายชิ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ เรามีทั้งบทความที่ได้รับการแนะนำจากกองบก.OK.Nation  คลิปข่าวลงพื้นที่ และสกู๊ปนักข่าวพลเมือง ที่ถ่ายทอดเรื่องราววิถีชีวิตของชาวชุมชน โดยแฝงแง่คิดให้ผู้ชม เพื่อสร้างแรงบันดาล และนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง

“๕.๓ ให้ร่วมมือกับองค์การสื่อระดับชาติ ในการผลิตรายการอันเป็นการส่งเสริมความรู้ที่เป็น ประโยชน์ต่อสาธารณะ” เป็นหนึ่งในแผนงานของโครงการNation UMG ซึ่งสำนักข่าวเนชั่นยูได้ร่วมมือกับ โต๊ะข่าวนักข่าวพลเมือง ThaiPBSเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ พวกเราจะได้สื่อสารเรื่องราวต่างๆ ผ่านสื่อกระแสหลัก ที่มีคนดูนับล้านทั่วประเทศ ขณะเดียวกันทีมงานWoohoo TV ก็ได้ร่วมมือกับ สถานีข่าวระวังภัย ของเครือเนชั่น เพื่อร่วมผลิตรายการแซบระวังภัย
แต่ดูเหมือนว่าการร่วมมือกับ Thai PBS จะถูกตั้งคำถามจากกระแสสังคมในมหาวิทยาลัยที่ชื่อว่า “Nation” โดยลืมนึกถึงความเป็น “มหาวิทยาลัย” ย่อมอุปมาประดุจบ่อน้ำบำบัดความกระหายของราษฎร ผู้สมัครแสวงหาความรู้อันเป็นสิทธิและโอกาสที่เขาควรมีควรได้ตามหลักแห่งเสรีภาพในการศึกษา  ซึ่งด้วยความที่มหาวิทยาลัยเนชั่นถูกก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มธุรกิจสื่อที่ชื่อ “เนชั่น” จึงทำให้ความรู้สึกของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถูกนำไปเชื่อมโยงกับความเป็นระบบบริษัท อย่างแยกแทบไม่ออก อย่างไรก็ตามเราคิดว่า จากนี้ต่อไปด้วยการรับนักศึกษาที่มากขึ้น จะทำให้โครงสร้างของมหาวิทยาแห่งนี้ ต้องขยายขึ้นตามไปด้วย และจะทำให้ความเป็น “มหาวิทยาลัย”มีความชัดเจนมากขึ้น
ถึงแม้ว่าพวกเราจะต้องประสบกับอุปสรรคและความท้าทายมากมาย แต่ด้วยความสุขในการทำหน้าที่สื่อสาร ด้วยความที่เรามีเจตนาดีในการทำงาน เรามีความเชื่อมั่นว่า ก้าวแรกของเราเป็นก้าวที่มั่นคง และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นสื่อมวลชนที่สร้างสรรค์สังคมคุณภาพและคุณธรรม
(เพิ่มเติม) ปีการศึกษา 2555 โครงการสื่อสร้างสรรค์หรือ Nation UMG นี้ยุติลงอย่างเป็นทางการ และหันไปทำข่าวอย่างเดียวเกิดเป็นสำนักข่าวเนชั่นยูในเวลาต่อมา


กดไลค์เราที่ >> http://www.facebook.com/NationUMG (ปัจจุบันปิดเพจไปแล้ว)
สำนักข่าวNationU
ช่องยูทูป >> http://www.youtube.com/NationUTV
ทวิตเตอร์ >> www.twitter.com/nationu_news (มหาวิทยาลัยยึดนำไปใช้)
บล็อก >> http://www.nationunews.blogspot.com/ 
นิตยสาร yours
บล็อก >> http://www.yoursmagazine-nationu.blogspot.com/ (ปิดบล็อกแล้ว)
Woohoo TV
ช่องยูทูป >> http://www.youtube.com/Austzi
เฟซบุ๊ค >> http://www.facebook.com/woohooth (เปลี่ยนเป็น Say Production)


นิตยสารฉบับลองผิดลงถูกของพวกเรา Yours Magazine ชื่อนี้ตั้งโดยอ.อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพพัฒนกิจ ผอ.เนชั่นชาแนล

พวกเราใช้ PowerPoint 2010 ในการจัดหน้า ก่อนแปลงไฟล์เป็น PDF

ฉบับแรก
ดาวน์โหลด >>> http://www.mediafire.com/view/?k0vixy1aix1cdar

ฉบับที่ 2
ดาวน์โหลด >>> http://www.mediafire.com/view/?3b2981ea4lhwwo8


ฉบับสุดท้าย
ดาวน์โหลด >>>  http://www.mediafire.com/view/?wot2svdtp4ihpsm