วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วิถีดั่งเดิม ถูกสั่นคลอ “เกสรลำพู”

วิถีดั่งเดิม ถูกสั่นคลอ เกสรลำพู



     ทางเดินแคบๆที่หลบซ่อนอยู่ข้างถนน  พระอาทิตย์ ถ้าไม่เดินเข้าไปดู ก็คงเป็นเพียงตรอกเล็กๆไม่มีอะไรน่าสนใจ หากแต่ข้อมูลที่เราได้มาก่อนหน้านี้ระบุว่าที่นี่คือตรอกมัสยิดจักพงษ์เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบางลำพู และที่สำคัญก็คือว่าชุมชนแห่งนี้สามารถรักษาวิถีชีวิตดั่งเดิมเอาไว้ได้อย่างหมดจด

1
     ชุมชนตรอกมัสยิดจักรพงษ์ เป็นชุมชนที่มีวัฒนธรรมของชาวมุสลิมมาอย่างยาวนาน มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทั้งยังมีความสมานฉันท์ของชุมชน มีจุดศูนย์กลางในการรวมตัวเพื่อประกอบกิจศาสนา การทำกิจกรรมของชุมชน อยู่ภายในบริเวณลานพื้นที่ของมัสยิดจักรพงษ์


     ชาวตรอกมัสยิดจักรพงษ์ จะเดินทางมาละมาดที่มัสยิดกลางหมู่บ้านกันเป็นประจำ เช้า กลางวัน เย็น เมื่อผู้ใหญ่ทำเด็กๆก็ทำตามจนเป็นเรื่องปกติในชีวิต และที่สำคัญก็คือว่าสิ่งที่ปฏิบัติกันเป็นประจำเหล่านี้ ได้กลายเป็นแนวคิดที่ฝั่งแน่นในวิถีมุสลิมของชาวตรอกมัสยิดจักรพงษ์ โดยไม่ต้องมีการกระตุ้น หรือจัดกิจกรรมพิเศษทางสังคมแต่อย่างใด 
     วิถีชีวิตและความงดงามของศาสนาเช่นนี้ จึงกลายเป็นเกราะป้องกันเยาวชนกับอบายมุขได้เป็นอย่างดี ที่นี่จึงเป็นตัวอย่างให้กับชุมชนอื่นๆในย่านบางลำพูที่วิถีชุมชนของตนเองก็เริ่มถูกสั่นคลอนไปแล้วด้วยเหมือนกัน
     โอภาส มิตรมานะ หรือบังซัน โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดจักพงษ์ที่เกิดและโตมาในย่านบางลำพู  เขาเห็นความเปลี่ยนแปลงของชุมชนลำพูมาโดยตลอด
     เริ่มจากความเจริญที่มาพร้อมกับแหล่งสถานบันเทิงในถนนข้าวสาร แล้วค่อยๆลุกล่ามออกมาห้อมล้อมชุมชน จนตกอยู่ท่ามกลางสังคมแวดล้อมที่เป็นแหล่งอโคจร
     “เมื่อ 20 ปีที่แล้วเรามีความเป็นอยู่ที่สบายๆ เรียบง่ายไม่มีผับไม่มีบาร์ถึงจะมีก็น้อย แต่ปัจจุบันนี้สถานบันเทิงมันมาล้อมรอบชุมชนจนจะทำให้เรานั้นไม่เข้มแข็งมากเหมือนก่อน แต่ก็พยามสร้างความเข้มแข็งโดยการใช้หลักศาสนาปลูกฝังให้กับเยาวชน เราพยามป้องๆทรายให้มันอยู่ในนี้ไม่ให้แตกออกมากนัก แล้วชุมชนนี้เป็นชุมชนเล็กเยาวชนก็น้อยด้วยถ้าเราปล่อยปละละเลยไปอาจทำให้เยาวชนของเรานั้นเลยเถิดไปแล้วยุ่งบังซันกล่าว

2
     ที่ถนนข้าวสาร เราได้พบกับพี่ชัยวัฒน์ ปัญญาวิช วัย 25 ปี บ้านของเขาอยู่ใกล้กับสถานบันเทิงมากที่สุด  สิ่งที่พี่ชัยวัฒน์เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ คนบางลำพูดั่งเดิมกำลังย้ายถิ่นฐานออกไป ขณะเดียวกันคนต่างพื้นที่ก็กำลังย้ายเข้ามาแทน โดยมาทำเกสท์เฮาส์และร้านเหล้ากันมากขึ้น
     “ตัวผมเองเป็นเด็กบางลำพู บ้านผมอยู่ซอยรามบุตรีเห็นได้ชัดเลยว่า15 ปีที่แล้วกับปัจจุบันมีความแตกต่างกันมาก เมื่อก่อนจุดศูนย์รวมอยู่ที่ข้าวสารหมด แต่ตอนนี้ความเจริญร้านเหล้า ร้านอาหาร เกสท์เฮาส์มันเริ่มขยายไปเรื่อยๆจากข้าวสารมาเป็นรามบุตรี ตอนนี้เริ่มขยายไปตานีแล้ว ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต่อจากนี้บางลำพูจะเป็นอย่างไร บางลำพูก็อาจจะเป็นแหล่งสถานเริงรมย์ไปเลยก็ได้ชัยวัฒน์กล่าว
     สภาพแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัยเปลี่ยนไปเป็นสภาพแวดล้อมของสถานบันเทิง ที่บางครั้งมีคนเมา บางครั้งมีคนอาเจียน เป็นภาพที่พี่ชัยวัฒน์ได้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน วันนี้ครอบครัวของพี่ชัยวัฒน์ ไม่รอแล้วพวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายบ้านหนี
     “ต่อให้บ้านน่าอยู่แค่ไหนถ้าสภาพแวดล้อมไม่ดีอยู่ไปก็ไม่มีความสุข การอยู่อาศัยมีปัจจัยหลายอย่าง 1. ตัวคนภายในบ้าน 2. ตัวบ้าน 3.เพื่อนบ้าน และ 4.สภาพแวดล้อม ตอนนี้ทุกคนในบ้านดี แต่ที่เหลือย่ำแย่มันก็เลยทำให้ผมขอย้ายดีกว่าชายวัย 25 ปีกล่าว

3
     ผลกระทบจากการรุกคืบของสถานบันเทิงในวิถีชีวิตจริง ของคนบางลำพู จนต้องย้ายบ้านหนี ทำให้เราตั้งคำถามต่อว่าเชื้อของความความสงบง่ายในพื้นที่ของบางลำพูจะยังคงมีเหลืออยู่หรือไม่ ...มีเหลือมากพอที่จะเป็นภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนได้จริงหรือ
     นอกจากวิถีมุสลิมที่เข้มแข็งของชาวตรอกมัสยิดจักรพงษ์ ยังมีอะไรอีกบ้างที่เป็นเกราะป้องกันเยาวชนคนบางลำพู เราจะลองค้นหาดู 


     คนบางลำพูที่เกิดและโตมาจนวันนี้หลายคนกำลังคิดหาวิธีที่จะสร้างภูมิคุ้มให้ชุมชน และที่สำคัญพวกเขาคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เรียกตัวเองว่าเกสรลำพู” 
     “ชมรมเกสรลำพูถือกำเนิดมาได้ 12 ปีแล้ว การรวมตัวทั้งผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ เด็ก และเยาวชนในชุมชนที่ร่วมใจกันสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาชุมชนของตนเอง ผ่านรูปแบบกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป ทั้งงานศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ชุมชน งานบุญ และงานศาสนา ด้วยการทำงานที่เป็นเครือข่ายทำให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรม สามารถเห็นและสัมผัสได้ในทุกวันนี้
     นางสาวปานทิพย์ ลิกขะไชย หรือพี่ต้า รองประธานชมรมเกสรลำพูบอกว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นทำให้ชมรมเกสรลำพูมีสมาชิกใหม่โดยเฉพาะเด็กๆที่อยู่ในพื้นที่มีโอกาสรู้จักสนิทสนมกันมากขึ้น เด็กทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการพื้นที่ในการแสดงความสามารถของตนทั้งสิ้น ทำให้มีเด็กจำนวนมากอยากที่จะเข้ามาร่วมกิจกรรมกับชมรมเกสรลำพู  เด็กทุกคนได้มีโอกาสทำงานเพื่อสังคม ได้แสดงความคิดเห็น ออกไอเดีย ได้โดยไม่ถูกปิดกั้น ทำให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้น
     เราถามต่อว่าแล้วกิจกรรมที่ชมรมเกสรลำพูทำกันอยู่จะช่วยให้ชุมชนห่างไกลจากสถานบันเทิงและอบายมุขได้จริงๆหรือพี่ต้าตอบคำถามนี้ไว้อย่างน่าสนใจ
    จริงๆแล้วเรื่องนี้พยาพยามจะให้มันช่วยได้แต่ว่ายุคมันเปลี่ยน การที่เราเข้าไปทำคงไม่ใช่ว่าต้องป้องกันได้หมดเลย หรืออย่าไปเลยอย่าทำเลย คิดว่ายาก เพราะว่าเด็กสมัยนี้ค่อนข้างจะมีความคิดเป็นของตัวเองมากๆ แต่เอาเป็นว่าเราเป็นแค่จุดจุดหนึ่ง เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในชีวิตทำให้เขาได้รู้จัก เรียนรู้วิถีชุมชน แล้วอะไรที่ดีหรือไม่ดีคิดว่าขึ้นอยู่กับตัวเขาเพราะเราคงไม่มีเวลาตลอด 24 ชั่วโมงไปให้เขา เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่ตัวน้องเขาเองด้วย

///////// TANPISIT LERDBAMRUCHAI; THE NATION

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น